PHRASE 1 PROBLEMS

PHRASE 1 PROBLEMS


credit: https://di-uploads-pod1.s3.amazonaws.com/depaulachevy/uploads/2015/10/car-parts-and-car-1024x522.jpg


ผมจะขอเล่าคร่าวๆถึงปัญหาในกระบวนการผลิตว่ามีอะไรบ้าง
อย่างที่ผมได้กล่าวไป ว่าชิ้นส่วนนั้นมีจำนวนมากมายหลายชิ้น มาปะติดปะต่อกันขึ้นมาเป็นตัวถัง

PART เหล็กปั๊ม



ปัญหา

การดีดตัวกลับเล็กน้อยหลังจากปั๊มชิ้นงาน (SPRING BACK) ออกมาจากแม่พิมพ์ (DIE)
เหล็กแต่ละ LOT ที่ส่งมานั้น คุณสมบัติของ SPRING BACK ก็ใช่ว่าจะคงที่เสมอไป
ซึ่งที่ได้กล่าวเรื่องการดีดตัวกลับเล็กน้อยนั้น เรายังต้องติดตามกันอีกว่า แล้วชิ้นงานนั้นๆ

> ยังอยู่ในค่าที่ลูกค้ายังยอมรับได้อยู่อีกหรือไม่ ?


> แล้วรูปทรงต่างๆที่อยู่บนตัวชิ้นงานนั้นๆ โดยเฉพาะในส่วนที่มีความ
จำเป็นต้องรักษาส่วนนั้นๆไว้ ยังทำได้อยู่หรือไม่ ?


PART พลาสติก


credit: https://www.plastopialtd.com/wp-content/uploads/2016/03/Warp-issue.png

ปัญหา

งานพลาสติกที่ได้ออกมาจากแม่พิมพ์ (TOOLING/MOULD) มักมีปัญหาเรื่องการ หดตัว(SHRINKAGE) หรือ การบิดตัว (BENDING) ตลอดจนถึงการโก่งตัว(BUCKING) หากชิ้นงานมีรูปทรงที่ไม่มั่นคงแข็งแรง (RIGIDITY)


นี่ยกมาแค่ 2 ตัวอย่างนะครับ แต่ที่จริงๆแล้ว ยังมีวัสดุและการผลิตอีกหลายอย่างที่อยู่ในชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งก็จะมีปัญหาเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป

สรุปแล้วก็คือ รถ 1 คัน มี PART ต่างๆ มาประกอบมากมาย และแต่ละชนิดของ PART ต่างก็มีปัญหาแตกต่างกันไปคนละทิศคนละทาง

เริ่มเห็นปัญหากันแล้วใช่มั้ยครับ ว่าพอทุก PART จะต้องมาประกอบกันในที่ที่เฉพาะเจาะจง จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากว่า PART แต่ละ PART ต่างมีความผิดเพี้ยนมากบ้างน้อยบ้าง ติดตัวมาในตอนที่ขึ้นรูป



. . .แล้วทางออกคืออะไรล่ะ ?



ก็ต้องตอบว่า ทางออกคือ PART ทุก PART ที่ผลิตออกมาต้อง “คุมค่า” ของรูปทรงให้เป็นไปตามที่ลูกค้ากำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็น TOYOTA,HONDA,MITSUBISHI etc. ว่าถ้าผิดเพี้ยนไม่เกินเท่านี้เท่านั้นแล้ว ถึงจะประกอบกันได้





ดูเหมือนง่ายใช่มั้ยครับ ทางแก้ แค่ไม่กี่บรรทัดบรรทัด ก็จบแล้ว !



ยังครับ ยังไม่จบ เพราะการแก้ปัญหาตามที่ผมอธิบายไว้ มันเข้าข่าย พูดง่าย แต่ทำยาก




อ้าววว ! ! !


แล้วยากยังไงอีก หลายคนเริ่มขมวดคิ้วสงสัย






. . .








*รูปภาพประกอบอาจไม่ตรงกับเนื้อหาซักทีเดียว เพราะงาน c/f เป็นงานต้นน้ำ partที่ต้องใช้ตรวจสอบจะเป็น part ที่ยังไม่ได้ออกผลิตขายในท้องตลาด จึงเป็นความลับทางการค้า หรือแม้แต่งานที่ลูกค้า launch ออกตลาดแล้วก็ตาม ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตที่ต้องรักษาความลับอยู่เช่นเดิม

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

INTRO CHECKING FIXTURE (C/F)

รูปภาพ
INTRO  “ธุรกิจการทำ C/F ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วๆไป ที่ไม่ได้อยู่ในวงการชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ (body parts)ซักเท่าไหร่ ก่อนที่จะอธิบายว่า C/F คืออะไร ต้องอธิบายให้เห็นภาพรวมคร่าวๆของธุรกิจที่ทำชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ ก่อนนะครับ เลยต้องท้าวความกันค่อนข้างยืดยาวหน่อยครับ” ตัวถังรถยนต์ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไป หากจะพินิจพิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดอีกนิด ก็จะเห็นว่ามันมีชิ้นส่วนต่างๆมาประกอบกัน บางครั้งก็เป็นวัสดุประเภทเดียวกัน บางครั้งก็เป็นวัสดุต่างประเภทกัน บางครั้งก็เป็นวัสดุชนิดเดียวกันทั้งชิ้น แต่บางครั้งก็เป็นการประกอบผสมผสานวัสดุหลายชนิดเข้าด้วยกัน อันนี้แหละที่เราจะเริ่มเห็นว่ามันเกี่ยวพันกันไปหมด ทั้งวัสดุ(material) และกระบวนการผลิต(process) นี่คือปัจจัยหลักๆอันเป็นเหตุผลที่เป็นที่มาของ C/F ครับ เราค่อยๆตีวงภาพรวมของงานตัวถังรถยนต์ ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกให้เป็นภาษาเดียวกับคนในวงการที่เค้าสื่อสารเข้าใจตรงกันนะครับ เราเรียกว่า “BODY PARTS” credit: https://cdn.thinglink.me/api/image/753307511523639296/1240/10/scaletowidth อย่างที่เล่า...
อ่านเพิ่มเติม

PHRASE 3 HOW DOES C/F WORK

รูปภาพ
หลักการทำงานเบื้องต้น ว่า C/F ทำหน้าที่ตรวจสอบ PART อย่างไร อย่างแรกสุด จะมี surface ของ C/F คือ ผิว ซึ่งผิว C/F นี้ จะมีความสัมพันธ์กับผิวของ PART คือ มักจะขนานกับแบบ OFF-SET ( ไม่ใช่ขนานกับแบบ SLIDE นะครับ ) และโดยมาตรฐาน มักจะ OFFSET ติดค่าลบ 3.0 มม. ตามในรูป รูปทรงของผิว C/F มักจะ FOLLOW ผิว PART ลักษณะ OFFSET แบบนี้ โดยมาตรฐานทั่วๆไปครับ อาจจะทำ GAP มากหรือน้อยกว่า 3.0 mm ก็ได้ แล้วแต่ความจำเป็น หรืออีกแบบหนึ่ง คือ ผิวของ ของ C/F จะเป็นลักษณะของผิวชิ้นงานจริงๆ คือ การ SIMULATE CAB BODY SURFACE มาใช้จริง ซึ่งการจะเลือกใช้ผิวแบบ OFFSET หรือ SIMULATION นี้มันจะมีวัตถุประสงค์ ในการเช็ค PART ต่างกันครับ ซึ่งผมจะขยายความดังนี้ ผิว แบบ OFFSET การเช็คงานจะมี TAPER GAUGE ให้เช็ค GAP ระหว่าง PART กับ C/F ถ้าเราออกแบบไว้ให้มี GAP 3.0 mm เมื่อเราประกอบ PART เข้ากับ C/F แล้ว PART ที่ไม่มีความผิดพลาดใด GAP จะต้องได้ 3.0 mm แต่ถ้าเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น GAP ก็จะไม่ได้ 3.0 mm. เมื่อเราแทง TAPER GAUGE เข้าไปอ่านค่า ถ้า GAP น้อยกว่า 3.0 mm แสดงว...
อ่านเพิ่มเติม